สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี อีกทั้งยังเป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ชื่อของสุเหร่าได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้าน ใน และถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยมัสยิดสุลต่านอาห์เมตที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม
พระราชวังทอปกาปิ (Topkapi Palace) ที่ประทับของสุลต่านนานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดยสุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1478 พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังทอปกาปิขึ้นบนจุดที่สามารถเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเด้นฮอร์น และทะเลมาร์มาราได้อย่างชัดเจน, โบสถ์เซนต์ไอรีน (Hagin Irini) หรือ อีแรน เป็นโบสถ์แห่งแรกในอิสตันบลู สร้างในสมัยกษัตริย์คอนสแตนติน
บ้านของพระแม่มารี (House of Virgin Mary) บ้านที่คาดว่าเป็นที่พำนักสุดท้ายของพระแม่มารี ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปเคารพของพระแม่มารี (ห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายรูป) ส่วนด้านนอกมีก๊อกสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ใน เรื่องสุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็นกำแพงอธิษฐาน (Wishing wall) ที่มีราวเหล็กที่เต็มไปด้วยเศษผ้าและกระดาษนับร้อยชิ้น ที่สมัยก่อนคนจะนำผ้าฝ้ายผืนเล็ก ๆ มาผูกไว้แล้วอธิษฐาน
วิหารเทพีอาร์เทมิส (The Temple of Artemis) เป็น 1 ใน 7
สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง
แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้
ซึ่งในอดีตเป็นวิหารสร้างด้วยหินอ่อน เลียนแบบศิลปะแบบกรีกโบราณ
สร้างเพื่อถวายเทพเจ้าอาร์เทมีสหรือเทพเจ้าอารเตมิซ
(เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของกรีก) ผู้มาจากสวรรค์
ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้
ปามุคคาเล่ หรือ พามุคคาเล (Pamukkale) เป็นเนินเขาสีขาวของหินปูน ความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอนเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า “ปราสาทปุยฝ้าย” (Cotton Castle) ทั้งนี้ ปามุคคาเล่ ถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับ เฮียราโปลิส (Hierapolis) ซึ่งเป็นเมืองโบราณ ในปี ค.ศ. 1988
ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) เป็นช่องแคบที่เชื่อม ทะเลดำ เข้ากับ ทะเลมาร์มาร่า ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการ ป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย และในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทาง ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น
คัปปาโดเซีย (Cappadocia) มรดกโลกทางธรรมชาติสำคัญที่ยูเนสโกยกย่อง ด้วยความสวยงามแปลกตาของภูมิประเทศ เมื่อประมาณ 3 ล้านปีก่อน ภูเขาไฟเอร์เจียสได้ระเบิดกระแสลาวาออกมาปกคลุมหลายพื้นที่หลายร้อยตาราง ไมล์ ต่อมาพายุ ลม และฝน ได้กัดกร่อนชั้นลาวาเหล่านี้ทีละน้อย จนกลายเป็นหุบเขา ร่องลึก แท่งหิน และกรวยหินขนาดต่าง ๆ และมีการเจาะโพรงหินเป็นโบสถ์ วิหาร และหมู่บ้านที่เจาะเข้าไปในภูเขา บริเวณหุบเขาเซลเว (Zelve) รวมทั้งในปัจจุบันมีการประยุกต์เจาะภูเขาหินเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นโรงแรมถ้ำสำหรับนักท่องเที่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น